ที่มาและความสำคัญ

พุทธศาสนิกชนศาสนาอื่นๆ

ที่มาและความสำคัญ

  ความหมายของศาสนา 

       ความหมายของพจนานุกรม ฉบับบราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2542 คำว่า ศาสนา (Religion) หมายถึงลัทธิความเชื่อถือของมนุษย์อันมีหลัก คือ แสดงกำเนิดและสิ้นสุดของโลก อันเป็นไปในฝ่ายปรมัตถ์ประการหนึ่งแสดงหลักธรรมเกี่ยวกับบาปบุญอันไปในฝ่ายศีลธรรมประการหนึ่ง พร้อมทั้งลัทธิที่กระทำตามความคิดเห็นหรือตามคำสั่งสอนในความ เชื่อถือนั้น ๆ         

ความสำคัญของศาสนา

     1. เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นที่พึงทางใจ         
     2. เป็นแหล่งกำเนิดของจริยธรรม คือ การทำคุณงามความดี งดเว้นการทำความชั่ว รู้ว่าจะ ปฏิบัติอย่างไรจึงจะเกิดความสุขทั้งต่อตนเองและสังคม                
     3. เป็นบรรทัดฐานในการดำเนินชีวิต ศษสนาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต การประพฤติ ปฏิบัติของสมาชิกในสังคม   
     4.  เป็นกลไกลการควบคุมสังคม ศาสนาเป็นเครื่องควบคุมการกระทำผิดทั้งทางกาย วาจาและใจ ด้วยหลักธรรมคำสั่งสอน ซึ่งกฎหมายไม่อาจทำได้ เพราะกฎหมายควบคุมการทำผิดทางกายแต่คงไม่สามารถควบคุมจิตใจคนได้     
     5. เป็นแหล่งกำเนิดของศิลปวัฒนธรรม คนไทยมีความผูกพันกับวัดมาแต่สมัยโบราณจะเห็นว่าไม่ว่าศาสนาใดงานทางด้านสถาปัตยกรรม วรรณกรรม จิตรกรรม ประติมากรรม ล้วนมาจากศาสนาทั้งสิ้น ส่วนใหญ่จะได้แรงบันดาลใจจากหลักธรรมะ เรื่อง นรก สวรรค์ ตลอดจนประเพณีต่าง ๆ ของศาสนานั้น ๆ ด้วย      
     6. ทำให้คนเป็นมนุษย์ที่สมบรูณ์ คุณธรรม จริยธรรม จะช่วยหล่อหลอมให้คนเป็นคนที่ สมบรูณ์ปฏิบัติดีทั้งกาย วาจา และใจ      
     7. เป็นมรดกทางสังคม ศาสนาเป็นมรดกทางวัฒนธรรม เพราะหลักธรรม ศาสนาสถานตลอดจนพิธีกรรมต่าง ๆ บ่งชี้ถึงความเจริญหรือความเสื่อมของสังคมนั้น ๆ ได้

สาเหตุการมีศาสนา

      1. ความต้องการทางหลักจิตใจ เพื่อให้มีสิ่งยึดเหนี่ยว เพื่อเป็นเป้าหมายในการกระทำต่าง ๆ เช่นเพื่อให้มีกำลังใจในการดำเนินชีวิต      
2.เกิดจากความกลัวมนุษย์ในสังคมดังเดิมหรือสังคมที่ยังไม่เจริญ จะกลัวปรากฎการณ์ธรรมชาติ หรือสิ่ง        ลึกลับที่ตนหาคำตอบไม่ได้ จึงต้งหาทางขจัดความกลัว ด้วยการบูชาเทพเจ้า การนับถือผี เป็นต้น      
3. ความต้องการรู้แจ้งเห็นจริง เพื่อให้เกิดการหลุดพ้นทุกข์     
 4. เพื่อผลประโยชน์ของชุมชน โดยทุกคนปฏิบัติจากบรรทัดฐานเดียวกัน เพื่อจะได้อยู่อย่างเป็นสุข

 หน้าที่ของศาสนา สรุปได้ดังนี้

      1. สร้างแบบของความประพฤติในแนวเดียวกัน เพราะทุกคนต้องปฏิบัติตามบรรทัดฐานที่คำสอนได้กำหนด     
 2. สร้างความสามัคคี ศษสนาช่วยทำให้บุคคลมีความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หรือมีความสามัคคีในการทำกิจกรรมต่าง ๆ      
 3. ให้ประพฤติอยู่ในขอบเขตของศีลธรรม ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี มีศีลธรรม มีความเมตตาต่อกัน      
4. ให้ขวัญและกำลังใจ เป็นการให้กำลังใจในยามที่ต้องประสบความไม่แน่นนอน ยากไร้หรือผิดหวังในชีวิต      
5. ช่ายรักษาระเบียบ บรรทัดฐานที่ต้องปฏิบัติ มักจะสอดคล้องกับกฏเกณฑ์ของสังคมนั้น ๆ ทำให้คนมี        จุดมุ่งหมายปลายทางตามที่สังคมได้กำหนด

      องค์ประกอบที่สำคัญของศาสนา มี 6 ประการดังนี้ 

      1. ศาสดา คือ ผู้สถาปนา หรือผู้ประกาศศาสนา มีตัวตนอยู่จริง         - พระพุทธศาสนา มีพระพุทธเจ้าเป็นศาสดา          - ศาสนาคริสต์ มีพระเยซูเป็นศาสดา          - ศาสนาอิสลาม มีท่านบีมูฮัมหมัดเป็นศาสดา     
      2. ศาสนธรรม คือ คำสั่งสอนหรือคัมภีร์ที่รวยรวมไว้เป็นหลักของความเชื่อ - พระพุทธศาสนา มี คัมภีร์พระไตรปิฎก          - ศาสนาคริสต์     มี คัมภีร์ไบเบิล          - ศาสนาอิสลาม   มี คัมภีร์อัลกุรอาน     
      3. ศาสนบุคคล คือ สาวกผู้ปฏิบัติตามศาสนากิจสืบทอดศาสนา เช่น          - พระพุทธศาสนา  มี พระภิกษุ และสามเณร         - ศาสนาคริสต์      มี บาทหลวง         - ศาสนาอิสลาม    มี โต๊ะอีหม่าม       
      4. ศาสนพิธี คือ พิธีกรรมที่เป็นแนวในการประพฤติปฏิบัติของผู้ที่นับถือศาสนานั้น ๆ       
      5. ศาสนสถาน คือ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา เพื่อใช้ประกอบพิธีกรรม นอกจากนั้นยังเป็นศูนย์กลาง        เผยแผ่ศาสนา     
       6. สัญลักษณ์ คือ เครื่องหมายหรือสิ่งแทนศาสนา 

ประเภทของศาสนา

       การจัดประเภทของศาสนา จัดตามความเชื่อเกี่ยวกับพระเจ้าและเทพเจ้า มี 5 ประการ ดังนี้       
1. เทวนิยม (Theism) นับถือพระเจ้า เช่น ศาสนาโซโรอัสเตอร์ ลัทธิเต๋า เป็นต้น       
2. เอกเทวนิยม (Monotheism) นับถือพระเจ้าองค์เดียว เช่น ศาสนายูดาห์ ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม       
3. พหุเทวนิยม (Polytheism) นับถือพระเจ้าหลายพระองค์ เช่นศาสนาชินโต ศาสนาพราหมณ์         ลัทธิขงจื๊อ เป็นต้น       
4. อเทวนิยม (Atheism) ไม่สอนให้เชื่อในเรื่องพระเจ้าสร้างโลก หรือการให้คุณให้โทษแก่มนุษย์         แต่สอนให้เชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม และพึ่งต้นเอง เช่น ศาสนาพุทธ

จากเว็บ:http://e-learning.e-tech.ac.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น